KING'S HEART : 4 (CUT)

             


            “เจ้า... คือใคร” ท่าทีถืออำนาจจากอีกฝ่าย ทำยองแจหวาดหวั่นอย่างมิอาจปฏิเสธลง

เสียงหัวเราะทุ้มแหบดังหลังสิ้นคำถาม จ้องลึกภายใต้แววตาอันสั่นระริกไร้อำพรางปิดบัง “นั่นสิ... ข้าคือใครกัน...” อีกฝ่ายดังลูกกระรอกน้อย น่าทะนุถนอมอุ้มชู ขณะเดียวกัน ก็น่าทำลายให้สลายคามือ

“เห็นว่าจักเป็นเจ้าชีวิตคนใหม่ของเจ้ากระมัง”

“เจ้าจักเป็นเจ้าชีวิตของข้าได้เยี่ยงไร” ยองแจท้วงทัก

จวบจนในยามที่ปลายนิ้วยาวเชยดวงหน้าหวานซึ้งขึ้น

“หวังเจียเอ่อร์...ประมุขแห่งต้าชิง ผู้ส่งสาสน์ไปยังโชซอน เพื่อขอตัวเจ้ามาเป็นตัวประกันเช่นข้า...คงพอเป็นเจ้าชีวิตของเจ้าได้”

คำตอบทำดวงใจหยุดเต้นไปขณะหนึ่ง

ด้วยนึกมิถึง ว่าจักเจอผู้เป็นใหญ่แห่งต้าชิงในสถานการณ์ประหลาดเช่นนี้

สองสายตาสบประสานกันชั่วครู่ ก่อนจักรพรรดิต้าชิงจะชิงโน้มประทับริมฝีปากลงมา เกลียวลิ้นร้อนสอดแทรกในโพรงปาก ไซ้สำรวจความหวานโดยถือสิทธิ์ ทั้งที่ผู้เป็นเจ้าของไม่มีโอกาสว่ากล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

ยองแจหูอื้อตาลาย ร้องอื้ออึงในลำคอ รสอันจาบจ้วงนำพาสมองให้ว่างเปล่า โอษฐ์เรียวดูดดุน ขบเม้มริมฝีปากบางอย่างบ้าคลั่งกระทั่งเกิดเสียงน่าอาย ร่างน้อยพยายามไสกายหลบ ทว่าพันธนาการอันรัดตรึงทั้งมือเท้าทำความพยายามนั้นไม่เป็นผล

ร่างใหญ่กว่าหลายขุมแห่งจักรพรรดิขึ้นคร่อมกายบอบบาง โอษฐ์คู่เดิมย้ายมาคลอเคลียข้างแก้มนวล หัตถ์ใหญ่ไล้ลูบไหล่มนเรื่อยถึงลำคอขาวผ่องคล้ายปลุกเร้า สัมผัสสากระคายผิวเนื้อทำยองแจเผลอกลั้นลมหายใจ

มินานนักเกลียวไหมซึ่งรัดรั้งอาภรณ์ไว้ก็ถูกกระตุกออกพ้นเอว สาบเสื้อคลี่จากกัน ความรู้สึกวูบวาบในช่องท้องปะทะร่างน้อยฉับพลันพร้อมสายตาโลมเลียจากบุคคลเบื้องหน้า  กายสั่นสะท้านโดยมิอาจควบคุม

คล้ายถูกผลักตกจากผาสูงชันทั้งที่มิได้ตั้งตัว

แม้หทัยจักต่อต้านสัมผัสทั้งปวงสุดกำลัง แต่ทว่าสรรพางค์กลับปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟ

กระทั่งอาภรณ์ติดกายชิ้นสุดท้ายถูกกระชากออก ผิวกายขาวละมุน แทบกลมกลืนเป็นสีเดียวกับผ้าปูเตียงจึงเผยสู่เนตรแห่งหวังเจียเอ่อร์ จักรพรรดิโปรยจุมพิตร้อนผ่าวทั่วเรือนร่างงดงามแทบทุกตารางนิ้วอย่างยั้งใจมิได้ ทั้งลำคอ แผ่นอก หน้าท้อง และต้นขาล้วนมิเว้นว่างจากการแสดงความเป็นเจ้าของ

จากนั้นจึงสาละวนเปลื้องปลดเครื่องทรงออก เหลือเพียงกายเปล่าเปลือยอันมีมัดกล้ามสวยงามเท่านั้น

“ไม่...” เจ้าของร่างอรชรร้องเสียงหวีดหวิว ฟังคล้ายเคียงเสียงลมพัดผ่านหุบเขาลึก หวังเจียเอ่อร์พรายยิ้มร้าย หัตถ์กระด้างแยกเรียวขาทั้งสองข้างออกจากกัน แล้วเอื้อมเคล้นคลึงผิวกายด้วยความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ

ลมหายใจยองแจสั่นเทา ซ้ำยังขาดห้วงจนน่าใจหาย หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มเชื่องช้า ทั้งเพิ่มพูนมากขึ้นเป็นทบทวีเมื่ออีกฝ่ายซอกซอนปลายนิ้วเข้าสู่ช่องทางหลัง

เจ็บ... ทรมานจนแทบขาดใจ

แม้เรี่ยวแรงจะหายไปสิ้น แต่ยองแจก็จำกัดฟันร้องขอแผ่วเบา “ได้โปรด... หยุด... ได้หรือไม่”

หวังเจียเอ่อร์มองภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย

สำหรับผู้อื่นแล้ว เมื่อเห็นบุคคลภายหน้านี้ทรมาน คงจักกระตุกหทัยมิน้อย...

“แล้วเหตุใดข้าจึงต้องหยุด”

แต่สำหรับจักรพรรดิผู้รอเห็นความทรมานของอีกฝ่าย คงมิอาจรู้สึกเป็นอื่นไปได้ นอกจากจะสาแก่ใจ

“หากข้ามิได้พอใจจะหยุด เจ้าก็มิมีสิทธิ์จักวอนขอจากข้า”

หลังสิ้นประโยค ร่างบอบบางดั่งถูกฉีกทึ้งเป็นสองท่อน บางสิ่งชำแรกผ่านเข้าในกายลึกถึงปลายสุดของเส้นทางในคราเดียว ยองแจหวีดครวญมิเป็นภาษา แทบสิ้นสติด้วยความเจ็บปวด เส้นทางอันมิเคยมีผู้ใดได้สำรวจมาก่อนถูกรุกล้ำ สัมผัสคับแน่นทำหวังเจียเอ่อร์ครางระโหย

ศักดิ์ศรีถูกเหยียบย่ำโดยไม่เหลือชิ้นดี เหลือไว้เพียงความอัปยศอดสูไว้ต่างหน้า

มิเคยคาดคิด ว่าจักมีคืนวันที่ทำให้รู้สึกสมเพชตนเองมากเพียงนี้

หวังเจียเอ่อร์เคลื่อนวรกายใหญ่ กระแทกกระทั้นมิออมแรง ช่องทางอันอ่อนบางชอกช้ำฉีกขาด โลหิตแดงหยดซึมลงบนผ้าปูเตียง การเคลื่อนไหวเพิ่มจังหวะกระชั้นยิ่งขึ้น ให้ยองแจกำมือซึ่งถูกมัดตรึงไว้แน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ

ยิ่งร้องครวญเท่าใด แรงยิ่งหนักหน่วง จังหวะยิ่งเสียดสีและจ้วงลึกเท่านั้น

น้ำตามิอาจหยุดไหล เช่นเดียวกับแผลในหทัยที่มิอาจรักษาหายในเร็ววัน

ขุมนรกดำเนินต่อไปตลอดค่ำคืน ยองแจเจ็บจนสิ้นสติไปหลายครา ทว่าจักรพรรดิกลับมิคิดหยุด กระทั่งการปลดปล่อยสุดท้ายมาถึงก่อนรุ่งสางมินาน โอรสสวรรค์จึงยอมรามือ

เนตรบวมช้ำปรือขึ้น มองตามหวังเจียเอ่อร์ซึ่งบัดนี้ก้าวลงจากเตียงไป ทิ้งคราบเลือด และสภาพสะบักสะบอมของเครื่องบูชายัญไว้เบื้องหลัง

ดอกโบตั๋นซึ่งเคยทัดข้างหูตกอยู่บนพื้น บัดนี้ถูกขยี้ให้ยับเยินด้วยฝ่าพระบาทสูงส่งยามเดินผ่าน

มิต่างกับดวงหทัยแห่งเครื่องบูชายัญ อันถูกหวังเจียเอ่อร์เหยียบจนแหลกละเอียดเป็นผุยผงธุลี

เช่นเดียวกับมู่ตันดอกนั้น...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

KING'S HEART : 11 (CUT)